.

วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2557

บันทึกอนุทินครั้งที่  16

วิชาการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
วันอังคารที่ 2 ธันวาคม  พ.ศ. 2557




กิจกรรมที่ 1
     อาจารย์ให้เพื่อนที่ยังไม่ออกมานำให้ออกมานำเสนอวิจัยและโทรทัศน์ครูให้ครบทุกคน
โดยเพื่อนมาสรุปวิจัยและโทรทัศน์ครูให้เพื่อนฟัง อาจารย์ชี้แนะให้คำอธิบายในสิ่งที่นำมา

กิจกรรมที่ 2
   อาจารย์ให้ทำแผ่นพับหน่วยของตนเอง กลุ่มดิฉันทำแผ่นพับหน่วย "กล้วย"
เป็นการทำแผ่นพับที่ผู้ปกครองสามารถมีส่วมร่วมกับการเรียนรู้ของเด็กได้ โรงเรียนและผู้ปกครองได้รู้ถึงการเรียนของเด็กว่าเรื่องหน่วยอะไร และผู้ปกครองสามารถนำสิ่งของมาช่วยเป็นสื่ิอในการเรียนของเด็กได้ จะช่วยในการประหยัดค่าใช้จ่าย






*วันนี้เป็นการเรียนสัปดาห์สุดท้ายของภาคเรียนที่  1*


การนำไปประยุกต์ใช้ 
   นำเอาวิธีการทำแผ่นพับไปใช้เป็นสื่อในการเรียนได้และยังสามารถทำการเชื่อมโรงความสัมพันธ์ระหว่างครูและผู้ปกครอง  ส่วนการสรุปงานวิจัยและโทรทัศน์ครูของเพื่อนนั่นทำให้เราเข้าใจง่ายมากขึ้น
สามารถนำไปต่อยอดกิจกรรมต่างๆได้อย่างถูกวิธี

ประเมินตนเอง  : วันนี้เข้าเรียนสาย ตั้งใจฟังเพื่อนนำเสนอได้ดี 

ประเมินเพื่อน  :  เพื่อนนำเสนอวิจัยและโทรทัศน์ครูได้เข้าใจครบทุกคน  คุยกันบ้าง 

ประเมินอาจารย์  :  อาจารย์ให้คำแนะนำข้อเสนอที่ดีแก่นักศึกษา ทำให้เข้าใจในการเรื่องมากขึ้น อาจารย์เน้นย้ำเรื่องการเขียนแผนเสมอ เพื่อในการไปฝึกสอนจะได้เขียนแผนได้ถูกต้อง




สรุปบทความเรื่อง "หลักสูตรวิทยาศาสตร์ปฐมวัย จำเป็นหรือไม่ ?"

                                        จำเป็น เพราะหลักสูตรวิทยาศาสตร์ปฐมวัย เป็นการส่งเสริมครูปฐมวัยให้สามารถจัดประสบการณ์ในรูปของกิจกรรมบูรณาการที่สามารถช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัยได้อย่างครบถ้วนทุกด้าน โดยไม่จำเป็นต้อง แยกออกมาสอนเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ เพียงแต่ครูปฐมวัยควรจะตระหนักรู้ว่ากิจกรรมที่จัดให้กับเด็กในแต่ละช่วงเวลานั้น เป็นการส่งเสริมทักษะและแนวคิดทางวิทยาศาสตร์อะไรให้กับเด็กๆ และควรจะจัดกิจกรรมอย่างไรเพื่อจะสามารถตอบสนองและต่อยอดธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็กได้อย่างเป็นระบบ
     ขณะนี้ สสวท. ได้ทำกรอบมาตรฐานหลักสูตรผ่านทุกกระบวนการที่สำคัญหมดแล้ว ก็คือผ่าน การประชาพิจารณ์ การนำไปทดลองใช้ การปรับแล้วนำไปทดลอง และวิจัยผลการใช้ ในส่วนของการทดลองใช้หลักสูตรวิทยาศาสตร์ปฐมวัย สสวท. ได้เชิญชวนให้โรงเรียนต่าง ๆ อาสาสมัครมาเป็นโรงเรียนทดลองใช้กรอบมาตรฐานหลักสูตร ฯ ได้โรงเรียนทั่วประเทศ 23 โรง จากภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคอีสาน และทดลองใช้ในปี 2551
    พบว่ากรอบมาตรฐานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ปฐมวัยนั้นตอบโจทย์ครูได้ว่า ในการสอนบูรณาการวิทยาศาสตร์ ครูจะสอนอะไร จะสอนแค่ไหน จะสอนอย่างไร และจะใช้สื่อรอบ ๆ ตัวเด็กนั้นมาเป็นสื่อในการเรียนรู้อย่างไร เพราะฉะนั้นคุณครูมีแนวทางสามารถที่จะจัดการเรียนรู้บูรณาการวิทยาศาสตร์ปฐมวัยได้แน่นอน
     ทุกประเทศในโลกจะสอนปฐมวัยในเชิงบูรณาการ ก็คือจะบูรณาการทุกวิชาไว้ด้วยกัน เพราะถือว่าเด็กจะต้องพัฒนาเป็นองค์รวม แต่การที่ครูจะจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการพัฒนาเด็กเป็นองค์รวมนั้น จะต้องมีมาตรฐานเป็นที่ตั้งในของแต่ละสาระ เช่น คณิตศาสตร์ควรจะเรียนแค่ไหน วิทยาศาสตร์ควรจะเรียนแค่ไหน ครูก็จะยึดเอากรอบมาตรฐานมาจัดทำเป็นหลักสูตรบูรณาการปฐมวัยของตัวเอง ทุกประเทศจะเป็นแบบนี้ รวมทั้งประเทศเราด้วย” อ. ชุติมากล่าวทิ้งท้าย

ที่มา http://www.vcharkarn.com/varticle/38811

สรุปโทรทัศน์ครู เรื่อง"ฝึกเขียนเรียงความจากการสังเกต"

                                    ครูให้เด็กฝึกเขียนเรียงความ โดยนำเอาวิทยาศาสตร์มาช่วยในเรื่องการเก็บรวบรวมข้อมูล เด็กได้สังเกตได้ปฏิบัติจริงและมีการใช้กระบวนการกลุ่มในการลงความเห็น เด็กได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันและยังมีความสนุกสนานในการเห็นภาพของสิ่งที่ครูนำมา และขยายความคิดของเด็กได้ออกมาทางภาษาของเรียงความได้เป็นอย่างดี ครูได้ให้เด็กคนแรกออกมาใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า ให้เด็กได้ล่วงคล้ำดูในถุงว่าสิ่งนั้นคืออะไร ให้เด็กได้รู้ว่าการสัมผัสนั้นสามารถให้รายละเอียดของข้อมูลได้  คนที่สองครูใช้ทักษะการชิมเพื่อให้เด็กรู้ว่าทักษะการชิมก็สามารถให้รายละเอียดที่แตกต่างของข้อมูลได้จริง   ครูนำผักผลไม้สิ่งของมาใส่ตะกร้าและให้เด็กออกมาหยิบจับ ได้สัมผัสดม ชิม เพื่อให้เด็กได้เกิดความสงสัยและหาคำตอบได้ด้วยตนเองและนำไปเขียนในใบสังเกต บันทึกข้อมูลของเด็ก   การสอนเขียนเรียงความครูมีภาพจิ๊กซอร์ให้เด็กช่วยกันต่ออย่างสมบูรณ์เป็นกลุ่ม ให้เด็กได้ใช้ความรู้เดิมที่มีอยู่ ครูได้ให้เด็กใช้แผนภาพความคิดก่อนนำสู่เนื้อหา คำนำของเรียงความ
สรุปของเรียงความต้องเป็นการโน้มน้าวใจ และให้เด็กเขียนเรียงความเป็นรายบุคคลซึ้งจะง่ายต่อการเขียนเพราะเด็กนำความคิดกลุ่มมาใช้เขียนรายบุลคล



สรุปงานวิจัย  "การจัดกิจกรรมส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย"

                        การวิจัยครั้งนี้มีวัถตุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้านการสังเกตและการจำแนกประเภทของเด็กปฐมวัยที่ได้ปฏิบัติกิจกรรมกลางแจ้งแบบมีการเล่นน้ำ เล่นทราย เล่นมุมช่างไม้ กับเด็กปฐมวัยที่ได้ปฏิบัติกิจกรรมกลางแจ้งแบบไม่มีการเล่นน้ำ เล่นทราย เล่นมุมช่างไม้

กลุ่มตัวอย่าง
    เด็กปฐมวัยอายุระหว่าง 4-5 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาลปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2541 โรงเรียนสาธิตสถาบันราชภัฏเชียงใหม่  อำเภอเมือง  จังหวัดเชียงใหม่  จำนวน 30 คน  โดยการสุ่มอย่างง่ายแบ่งเป็นกลุ่มทดลอง  15  คน  กลุ่มควบคุม  15  คน  กลุ่มทดลองได้ปฏิบัติกิจกรรมกลางแจ้งแบบมีการเล่นน้ำ เล่นทราย เล่นมุมข่างไม้  ส่วนกลุ่มควบคุุมได้ปฏิบัติกิจกรรมกลางแจ้งแบบไม่มีการเล่นน้ำ เล่นทราย เล่นมุมช่างๆม้

การทดลอง
    ใช้แบบแผนการวิจัยของ  Randomized  Control  Pretest-Posttest Design ใช้เวลาทดลอง 4 สัปดาห์ครึ่ง สัปดาห์ละ 4 วัน วันละ 50 นาที  รวมจำนวน 18 ครั้ง

ตัวแปร
ตัวแปรต้น  :  กระบวนการทางวิทยาศาสตร์

ตัวแปรตาม  :  การจัดกิจกรรมส่งเสริมทักษะ


เครื่องมือที่ใช้วิจัย
    แผนการจัดกิจกรรมการเล่นน้ำ เล่นทราย เล่นมุมช่างไม้  แบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้านทักษะการสังเกตและทักษะการจำแนกประเภท

สติถิที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล
    t-test for Independent Samples

ผลการวิจัย
     เด็กปฐมวัยที่ได้ปฏิบัติกิจกรรมกลางแจ้งแบบมีการเล่นน้ำ เล่นทราย เล่นมุมช่างไม้มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้านทักษะการสังเกต และทักษะการจำแนกประเภทสูงกว่าเด็กปฐมวัยที่ได้ปฏิบัติกิจกรรมกลางแจ้งแบบไม่มีการเล่นน้ำ เล่นทราย เล่นมุมช่างๆม้ อย่างมีนัยสำคัญทางสติถิระดับ.01